News Feed
What's on your mind?
AllLiving
News Feed
ASW กางผลงาน 9 เดือนแรกปี 67 กวาดกำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท เติบโต 114%
ขยายแผนเปิด 4 โครงการใหญ่ลุยโค้งสุดท้าย มั่นใจดันรายได้ทะลุเป้า 8,700 ล้านบาท
.
AssetWise โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกปี 2567 คว้ารายได้ 7,800 ล้านบาท โตขึ้น 63% จากปีก่อนหน้า และคิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ทั้งปี
กำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท เติบโต 114% พร้อมแบ็กล็อก 23,070 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 2569
.
ล่าสุด เปิดโครงการใหม่เพิ่มเป็น 13 โครงการ มูลค่ารวม 36,820 ล้านบาท
ไตรมาสสุดท้ายเปิด 4 โปรเจกต์ใหญ่ ส่งแบรนด์ “KAVALON” แคมปัสคอนโดชิดรั้วม.กรุงเทพ พร้อมลุยพัทยา-ภูเก็ตต่อเนื่อง หลังท่องเที่ยวส่งสัญญาณบวก
มั่นใจกลยุทธ์บุกน่านน้ำใหม่-แบรนด์แกร่ง-โอนดี ดันรายได้ตามเป้า 8,700 ล้านบาท
ASW โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกปี 2567 โกยรายได้ 7,800 ล้านบาท โตแรง 63% และคิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ทั้งปี พร้อมคว้ากำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท เติบโต 114% จากปีก่อนหน้า โชว์แบ็กล็อกแกร่ง 23,070 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 2569 เขย่าแผนเปิดโครงการใหม่รวมทั้งหมด 13 โครงการ มูลค่ารวม 36,820 ล้านบาท ลุย 4 บิ๊กโปรเจกต์ส่งท้ายปี “KAVALON” แคมปัสคอนโดใหม่ชิดรั้ว ม.กรุงเทพ พร้อมเจาะหัวเมืองท่องเที่ยว พัทยา-ภูเก็ตต่อเนื่อง หลังท่องเที่ยวส่งสัญญาณบวก มั่นใจกลยุทธ์บุกน่านน้ำใหม่-แบรนด์แกร่ง-โอนดี หนุนรายได้ตามเป้า 8,700 ล้านบาท
.
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย. 2567) บริษัทมีรายได้รวมทั้งหมด 7,800 ล้านบาท เติบโตขึ้น 63% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 (YoY) ส่งผลให้รายได้รวมขณะนี้คิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ทั้งปี 2567 ซึ่งตั้งไว้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 114%
.
สำหรับโครงการที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์โดดเด่นในไตรมาส 3/2567 ได้แก่ โครงการเคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) โครงการแคมปัสคอนโด ใกล้ ม.กรุงเทพ มูลค่า 3,500 ล้านบาท และโครงการเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) โครงการ Leisure Condominium ภายใต้การพัฒนาของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE บริษัทย่อยในเครือ มูลค่า 1,537 ล้านบาท ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 2 โครงการทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 ขณะที่ยอดขายสะสม 9 เดือนแรก บริษัทสามารถทำยอดพรีเซลจากโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดถึง 14,578 ล้านบาท เติบโต 24% เมื่อเทียบกับปี 2566 และคิดเป็น 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 17,800 ล้านบาท
.
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมประมาณ 23,070 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ ASW เพื่อสร้างการรับรู้รายได้อย่างแข็งแกร่งไปจนถึงปี 2569
.
นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุด ASW ได้พิจารณาขยายแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2567 เพิ่มเป็น 13 โครงการ มูลค่าทั้งหมด 36,820 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 42% เมื่อเทียบจากแผนที่ประกาศไว้ช่วงต้นปี และเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 22% ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับทิศทางของภาคการท่องเที่ยวที่ส่งสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะภูเก็ตที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 9 เดือนแรกถึง 7.36 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.57% จากปีที่แล้ว และกระแสตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวโครงการตามหัวเมืองท่องเที่ยวในช่วงก่อนหน้า บริษัทจึงเดินหน้าเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เน้นเจาะทำเลหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยอย่างพัทยาและภูเก็ตในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
.
ในไตรมาส 4/2567 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการอควารัส จอมเทียน พัทยา (Aquarous Jomtien Pattaya) โครงการคอนโดมิเนียมหรูสไตล์ Luxurious Staycation Residence รวม 606 ยูนิต ใกล้ชายหาดจอมเทียน มูลค่า 5,000 ล้านบาท 2.เควาลอน (Kavalon) โครงการแคมปัสคอนโดใหม่ล่าสุด จำนวน 2,192 ยูนิต ทำเลดีติดรั้ว ม.กรุงเทพ เจาะกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และนักลงทุน มูลค่า 4,500 ล้านบาท 3.เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) โครงการ Leisure Residences รวม 859 ยูนิต บนทำเลศักยภาพ ใกล้หาดบางเทาเพียง 500 ม. มูลค่า 6,200 ล้านบาท และ 4.เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) โครงการ Leisure Residences จำนวน 435 ยูนิต ติด Porto de Phuket และใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ มูลค่า 2,600 ล้านบาท
.
“กลยุทธ์ขยายเข้าสู่น่านน้ำใหม่ที่มีศักยภาพสูงอย่างภูเก็ต ความแข็งแกร่งของแบรนด์ต่างๆ ที่ ASW และ TITLE ช่วยกันพัฒนา จนลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติมั่นใจในคุณภาพ ทำให้เรามียอดขายและรักษาระดับการโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างดีในทุกโครงการ รวมถึงการเสริมพอร์ต Recurring Income ให้เติบโต ด้วยการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ทั้งหมดนี้จะช่วยผลักดันให้ ASW สามารถสร้างยอดขาย และทำรายได้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
.
สำหรับบริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 71 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA), แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR), แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 103,366 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 53 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 18 โครงการ และ ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 23,070 ล้านบาท
ขยายแผนเปิด 4 โครงการใหญ่ลุยโค้งสุดท้าย มั่นใจดันรายได้ทะลุเป้า 8,700 ล้านบาท
.
AssetWise โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกปี 2567 คว้ารายได้ 7,800 ล้านบาท โตขึ้น 63% จากปีก่อนหน้า และคิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ทั้งปี
กำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท เติบโต 114% พร้อมแบ็กล็อก 23,070 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 2569
.
ล่าสุด เปิดโครงการใหม่เพิ่มเป็น 13 โครงการ มูลค่ารวม 36,820 ล้านบาท
ไตรมาสสุดท้ายเปิด 4 โปรเจกต์ใหญ่ ส่งแบรนด์ “KAVALON” แคมปัสคอนโดชิดรั้วม.กรุงเทพ พร้อมลุยพัทยา-ภูเก็ตต่อเนื่อง หลังท่องเที่ยวส่งสัญญาณบวก
มั่นใจกลยุทธ์บุกน่านน้ำใหม่-แบรนด์แกร่ง-โอนดี ดันรายได้ตามเป้า 8,700 ล้านบาท
ASW โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกปี 2567 โกยรายได้ 7,800 ล้านบาท โตแรง 63% และคิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ทั้งปี พร้อมคว้ากำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท เติบโต 114% จากปีก่อนหน้า โชว์แบ็กล็อกแกร่ง 23,070 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 2569 เขย่าแผนเปิดโครงการใหม่รวมทั้งหมด 13 โครงการ มูลค่ารวม 36,820 ล้านบาท ลุย 4 บิ๊กโปรเจกต์ส่งท้ายปี “KAVALON” แคมปัสคอนโดใหม่ชิดรั้ว ม.กรุงเทพ พร้อมเจาะหัวเมืองท่องเที่ยว พัทยา-ภูเก็ตต่อเนื่อง หลังท่องเที่ยวส่งสัญญาณบวก มั่นใจกลยุทธ์บุกน่านน้ำใหม่-แบรนด์แกร่ง-โอนดี หนุนรายได้ตามเป้า 8,700 ล้านบาท
.
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย. 2567) บริษัทมีรายได้รวมทั้งหมด 7,800 ล้านบาท เติบโตขึ้น 63% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 (YoY) ส่งผลให้รายได้รวมขณะนี้คิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ทั้งปี 2567 ซึ่งตั้งไว้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 114%
.
สำหรับโครงการที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์โดดเด่นในไตรมาส 3/2567 ได้แก่ โครงการเคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) โครงการแคมปัสคอนโด ใกล้ ม.กรุงเทพ มูลค่า 3,500 ล้านบาท และโครงการเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) โครงการ Leisure Condominium ภายใต้การพัฒนาของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE บริษัทย่อยในเครือ มูลค่า 1,537 ล้านบาท ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 2 โครงการทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 ขณะที่ยอดขายสะสม 9 เดือนแรก บริษัทสามารถทำยอดพรีเซลจากโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดถึง 14,578 ล้านบาท เติบโต 24% เมื่อเทียบกับปี 2566 และคิดเป็น 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 17,800 ล้านบาท
.
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมประมาณ 23,070 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ ASW เพื่อสร้างการรับรู้รายได้อย่างแข็งแกร่งไปจนถึงปี 2569
.
นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุด ASW ได้พิจารณาขยายแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2567 เพิ่มเป็น 13 โครงการ มูลค่าทั้งหมด 36,820 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 42% เมื่อเทียบจากแผนที่ประกาศไว้ช่วงต้นปี และเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 22% ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับทิศทางของภาคการท่องเที่ยวที่ส่งสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะภูเก็ตที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 9 เดือนแรกถึง 7.36 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.57% จากปีที่แล้ว และกระแสตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวโครงการตามหัวเมืองท่องเที่ยวในช่วงก่อนหน้า บริษัทจึงเดินหน้าเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เน้นเจาะทำเลหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยอย่างพัทยาและภูเก็ตในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
.
ในไตรมาส 4/2567 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการอควารัส จอมเทียน พัทยา (Aquarous Jomtien Pattaya) โครงการคอนโดมิเนียมหรูสไตล์ Luxurious Staycation Residence รวม 606 ยูนิต ใกล้ชายหาดจอมเทียน มูลค่า 5,000 ล้านบาท 2.เควาลอน (Kavalon) โครงการแคมปัสคอนโดใหม่ล่าสุด จำนวน 2,192 ยูนิต ทำเลดีติดรั้ว ม.กรุงเทพ เจาะกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และนักลงทุน มูลค่า 4,500 ล้านบาท 3.เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) โครงการ Leisure Residences รวม 859 ยูนิต บนทำเลศักยภาพ ใกล้หาดบางเทาเพียง 500 ม. มูลค่า 6,200 ล้านบาท และ 4.เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) โครงการ Leisure Residences จำนวน 435 ยูนิต ติด Porto de Phuket และใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ มูลค่า 2,600 ล้านบาท
.
“กลยุทธ์ขยายเข้าสู่น่านน้ำใหม่ที่มีศักยภาพสูงอย่างภูเก็ต ความแข็งแกร่งของแบรนด์ต่างๆ ที่ ASW และ TITLE ช่วยกันพัฒนา จนลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติมั่นใจในคุณภาพ ทำให้เรามียอดขายและรักษาระดับการโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างดีในทุกโครงการ รวมถึงการเสริมพอร์ต Recurring Income ให้เติบโต ด้วยการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ทั้งหมดนี้จะช่วยผลักดันให้ ASW สามารถสร้างยอดขาย และทำรายได้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
.
สำหรับบริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 71 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA), แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR), แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 103,366 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 53 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 18 โครงการ และ ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 23,070 ล้านบาท
AllLiving
Ontime Super
Kanyapak .P
Like
AllLiving
News Feed
“ออริจิ้น” ร่วมลงนาม CECI ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่ความยั่งยืน
ผลักดัน Waste Management ในทุกโครงการอสังหาฯ พร้อมมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2044
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ร่วมลงนาม “CECI: Action for Sustainable Future” ผนึกกำลัง 37 องค์กรไทย นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเปลี่ยนอุตสาหกรรมก่อสร้างสู่ความยั่งยืนตลอด Supply Chain เดินหน้า โปรเจกต์ Waste Management ในพื้นที่ก่อสร้างทุกโครงการในเครือ พร้อมวางโรดแมป “ORIGIN GIVE” สร้างความยั่งยืนรอบด้าน ดูแลสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2044
นายธนพล สินธุยนต์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืนขององค์กร และประธานเจ้าหน้าที่ด้านงานออกแบบ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้ ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิก กลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง (Circular Economy In Construction Industry: CECI) ร่วมกับ 37 องค์กรชั้นนำของไทยจาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ประกอบด้วย บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทสถาปนิกและที่ปรึกษาด้านการก่อสร้าง บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และบริษัทผู้ให้บริการจัดการของเหลือจากการก่อสร้าง ภายในงาน CECI : Action for Sustainable Future ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยสู่ความยั่งยืน ด้วยการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ในการก่อสร้างตลอดห่วงโซอุปทาน (Supply Chain) พร้อมแลกเปลี่ยน องค์ความรู้ ต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดปริมาณวัสดุเหลือทิ้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนไทย
“เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่รอไม่ได้อีกต่อไป ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือการดูแลกระบวนการก่อสร้างของเราให้รบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ซึ่งครั้งนี้เราได้ผนึกกำลังกับกลุ่มองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ในการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนไปประยุกต์ปฏิบัติจริง เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายธนพล กล่าว
ภายใต้ความร่วมมือ CECI ครั้งนี้ บริษัทได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาต่อยอดเป็นแนวทางบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ (Waste Management) ภายในพื้นที่ก่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ อาทิ กำหนดให้มีการหมุนเวียนนำน้ำกลับมาใช้ และกำหนดให้มีการนำวัสดุก่อสร้างเหลือใช้มาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยร่วมมือกับ Recycoex ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์รับซื้อ-ขายขยะรีไซเคิล ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้เครือข่าย CECI มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยบริษัทจะนำร่องใช้กับโครงการคอนโดมิเนียมออริจิ้น เพลส บางนา (Origin Place Bangna) เป็นโครงการแรก และจะขยายสู่ทุกโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาในปี 2567 เป็นต้นไป
นายธนพล กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังวางโรดแมปขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนอย่างรอบด้าน ทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “ORIGIN GIVE” ซึ่งหนึ่งในพันธกิจสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม คือการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ในโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการออกแบบกระบวนการก่อสร้างในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้เกิดการหมุนเวียนและนำไปใช้ซ้ำ เพื่อลดมลพิษและปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุดก่อนออกสู่นอกพื้นที่โครงการ โดยมุ่งหวังให้ภารกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2044 (พ.ศ. 2587) ซึ่งจะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคนในสังคม
ทั้งนี้ ความร่วมมือ CECI มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ผ่านพันธกิจ (Mission) หลัก 5 ข้อ ได้แก่ 1.สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Circular Economy ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง 2.ขยายเครือข่ายความร่วมมือของ CECI ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 3.ผลักดัน และส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนทั้ง Value Chain ของอุตสาหกรรมก่อสร้าง 4.พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยนำแนวคิดเรื่องการออกแบบอย่างยั่งยืน Smart Design และ Green & Clean Innovation มาประยุกต์ใช้ และ 5.สร้างมาตรฐานและระบบบริหารจัดการการก่อสร้างผ่านแนวคิด Circular Economy โดยสมาชิกจะนำเสนอและแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติร่วมกันในเครือข่าย เพื่อนำไปสู่การต่อยอดและเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมก่อสร้างรายอื่นๆ ภาครัฐ และสถาบันการศึกษา รวมถึงการเปิดเวที เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 159 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 4/2566) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 242,744 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
ผลักดัน Waste Management ในทุกโครงการอสังหาฯ พร้อมมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2044
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ร่วมลงนาม “CECI: Action for Sustainable Future” ผนึกกำลัง 37 องค์กรไทย นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเปลี่ยนอุตสาหกรรมก่อสร้างสู่ความยั่งยืนตลอด Supply Chain เดินหน้า โปรเจกต์ Waste Management ในพื้นที่ก่อสร้างทุกโครงการในเครือ พร้อมวางโรดแมป “ORIGIN GIVE” สร้างความยั่งยืนรอบด้าน ดูแลสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2044
นายธนพล สินธุยนต์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืนขององค์กร และประธานเจ้าหน้าที่ด้านงานออกแบบ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้ ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิก กลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง (Circular Economy In Construction Industry: CECI) ร่วมกับ 37 องค์กรชั้นนำของไทยจาก 5 กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ประกอบด้วย บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทสถาปนิกและที่ปรึกษาด้านการก่อสร้าง บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และบริษัทผู้ให้บริการจัดการของเหลือจากการก่อสร้าง ภายในงาน CECI : Action for Sustainable Future ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยสู่ความยั่งยืน ด้วยการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ในการก่อสร้างตลอดห่วงโซอุปทาน (Supply Chain) พร้อมแลกเปลี่ยน องค์ความรู้ ต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดปริมาณวัสดุเหลือทิ้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนไทย
“เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่รอไม่ได้อีกต่อไป ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือการดูแลกระบวนการก่อสร้างของเราให้รบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ซึ่งครั้งนี้เราได้ผนึกกำลังกับกลุ่มองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ในการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนไปประยุกต์ปฏิบัติจริง เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายธนพล กล่าว
ภายใต้ความร่วมมือ CECI ครั้งนี้ บริษัทได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาต่อยอดเป็นแนวทางบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ (Waste Management) ภายในพื้นที่ก่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ อาทิ กำหนดให้มีการหมุนเวียนนำน้ำกลับมาใช้ และกำหนดให้มีการนำวัสดุก่อสร้างเหลือใช้มาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยร่วมมือกับ Recycoex ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์รับซื้อ-ขายขยะรีไซเคิล ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้เครือข่าย CECI มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยบริษัทจะนำร่องใช้กับโครงการคอนโดมิเนียมออริจิ้น เพลส บางนา (Origin Place Bangna) เป็นโครงการแรก และจะขยายสู่ทุกโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาในปี 2567 เป็นต้นไป
นายธนพล กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังวางโรดแมปขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนอย่างรอบด้าน ทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “ORIGIN GIVE” ซึ่งหนึ่งในพันธกิจสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม คือการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ในโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการออกแบบกระบวนการก่อสร้างในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้เกิดการหมุนเวียนและนำไปใช้ซ้ำ เพื่อลดมลพิษและปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุดก่อนออกสู่นอกพื้นที่โครงการ โดยมุ่งหวังให้ภารกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2044 (พ.ศ. 2587) ซึ่งจะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคนในสังคม
ทั้งนี้ ความร่วมมือ CECI มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ผ่านพันธกิจ (Mission) หลัก 5 ข้อ ได้แก่ 1.สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Circular Economy ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง 2.ขยายเครือข่ายความร่วมมือของ CECI ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 3.ผลักดัน และส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนทั้ง Value Chain ของอุตสาหกรรมก่อสร้าง 4.พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยนำแนวคิดเรื่องการออกแบบอย่างยั่งยืน Smart Design และ Green & Clean Innovation มาประยุกต์ใช้ และ 5.สร้างมาตรฐานและระบบบริหารจัดการการก่อสร้างผ่านแนวคิด Circular Economy โดยสมาชิกจะนำเสนอและแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติร่วมกันในเครือข่าย เพื่อนำไปสู่การต่อยอดและเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมก่อสร้างรายอื่นๆ ภาครัฐ และสถาบันการศึกษา รวมถึงการเปิดเวที เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 159 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 4/2566) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 242,744 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร





+3
AllLiving
Khachornpong Tunjoy
md.secretary Prolifeplus
Kanlaya Jaithong
Kanyapak .P
Like
AllLiving
News Feed
“ออริจิ้น” กวาดยอดขายงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 45 ได้ กว่า 550 ล้าน เซ็กเมนต์บนกำลังซื้อแกร่ง พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ และ จุฬา-สามย่าน นำทัพโกยยอด
.
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ปลื้มออกบูธงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 45 เพียง 4 วัน คว้ายอดขายกว่า 550 ล้าน แบรนด์คอนโดลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น นำทัพโกยยอดโดดเด่นทั้งทำเลจุฬา-สามย่าน และทองหล่อ ด้านแบรนด์ดิ ออริจิ้น-ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์-ไบรตัน-บริทาเนีย-แกรนด์ บริทาเนีย ปักหมุดหลากทำเลทอง โกยยอดคู่ขนาน ครึ่งแรกปี 67 ลุยเปิดคอนโดใหม่ต่อเนื่อง 6 โครงการ ครอบคลุมกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด ชูฟังก์ชัน Pet Family Condo เอาใจคนรักสัตว์ รับเทรนด์ Pet Humanization
นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า จากการเข้าร่วมออกบูธงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 45 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 21-24 มี.ค. ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายบ้านและคอนโดมิเนียมรวมกัน คิดเป็นยอดขายรวมกว่า 550 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม ราว 67% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรร ราว 33% โดยโครงการที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างโดดเด่นภายในงาน คือ แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ใน 2 ทำเล ได้แก่ พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน (Park Origin Chula-Samyan) และพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor)
.
“แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น ของเราทุกโครงการตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็น 2 สายหลักที่คนใช้เดินทาง มีฟังก์ชันห้องที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ มีพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายและคุ้มค่า เช่น พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่มากกว่า 50 รายการ พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน มีพื้นที่สีเขียว และสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เราจึงได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่คุ้มค่า บนทำเลระดับ Prime Area ในงานครั้งนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
.
นอกเหนือจากโครงการแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น แล้ว โครงการแบรนด์อื่นๆ อาทิ ดิ ออริจิ้น (The Origin) ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) ไบรตัน (Brighton) บริทาเนีย (Britania) และแกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) ก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทมีโครงการครอบคลุมหลายทำเล อาทิ พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา ลาดพร้าว รามคำแหง แพรกษา บางนา คูคต ราชพฤกษ์ เมื่อประกอบกับการนำเสนอโปรโมชันผ่านแคมเปญ HAPPINESS CARAVAN คัดสรรสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง จึงช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคด้วย
.
ด้านนายกฤษณ์ เตชะสัมมา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในครึ่งแรกปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,430 ล้านบาท ครอบคลุมทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ชลบุรี และภูเก็ต ซึ่งโครงการที่เปิดตัวไปแล้วอย่างออริจิ้น เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (Origin Place Taopoon Interchange) ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนรุ่นใหม่ เนื่องจากตั้งอยู่ทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้าถึง 3 สาย ทั้งยังเป็นคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Condo) ที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง สอดคล้องกับเทรนด์ Pet Humanization ของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ดูแลสัตว์เลี้ยงราวกับสมาชิกในครอบครัว
.
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ปลื้มออกบูธงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 45 เพียง 4 วัน คว้ายอดขายกว่า 550 ล้าน แบรนด์คอนโดลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น นำทัพโกยยอดโดดเด่นทั้งทำเลจุฬา-สามย่าน และทองหล่อ ด้านแบรนด์ดิ ออริจิ้น-ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์-ไบรตัน-บริทาเนีย-แกรนด์ บริทาเนีย ปักหมุดหลากทำเลทอง โกยยอดคู่ขนาน ครึ่งแรกปี 67 ลุยเปิดคอนโดใหม่ต่อเนื่อง 6 โครงการ ครอบคลุมกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด ชูฟังก์ชัน Pet Family Condo เอาใจคนรักสัตว์ รับเทรนด์ Pet Humanization
นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า จากการเข้าร่วมออกบูธงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 45 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 21-24 มี.ค. ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายบ้านและคอนโดมิเนียมรวมกัน คิดเป็นยอดขายรวมกว่า 550 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม ราว 67% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรร ราว 33% โดยโครงการที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างโดดเด่นภายในงาน คือ แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ใน 2 ทำเล ได้แก่ พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน (Park Origin Chula-Samyan) และพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor)
.
“แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น ของเราทุกโครงการตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็น 2 สายหลักที่คนใช้เดินทาง มีฟังก์ชันห้องที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ มีพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายและคุ้มค่า เช่น พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่มากกว่า 50 รายการ พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน มีพื้นที่สีเขียว และสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เราจึงได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่คุ้มค่า บนทำเลระดับ Prime Area ในงานครั้งนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
.
นอกเหนือจากโครงการแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น แล้ว โครงการแบรนด์อื่นๆ อาทิ ดิ ออริจิ้น (The Origin) ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) ไบรตัน (Brighton) บริทาเนีย (Britania) และแกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) ก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทมีโครงการครอบคลุมหลายทำเล อาทิ พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา ลาดพร้าว รามคำแหง แพรกษา บางนา คูคต ราชพฤกษ์ เมื่อประกอบกับการนำเสนอโปรโมชันผ่านแคมเปญ HAPPINESS CARAVAN คัดสรรสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง จึงช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคด้วย
.
ด้านนายกฤษณ์ เตชะสัมมา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในครึ่งแรกปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,430 ล้านบาท ครอบคลุมทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ชลบุรี และภูเก็ต ซึ่งโครงการที่เปิดตัวไปแล้วอย่างออริจิ้น เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (Origin Place Taopoon Interchange) ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนรุ่นใหม่ เนื่องจากตั้งอยู่ทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้าถึง 3 สาย ทั้งยังเป็นคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Condo) ที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง สอดคล้องกับเทรนด์ Pet Humanization ของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ดูแลสัตว์เลี้ยงราวกับสมาชิกในครอบครัว





+6
AllLiving
Khachornpong Tunjoy
md.secretary Prolifeplus
Kanlaya Jaithong
Kanyapak .P
Like
AllLiving
News Feed
✨🏠 All Living.... เว็บไซต์ที่รวบรวมเรื่องราวทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ทาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮม คอนโด อาคารพาณิชย์ โฮมออฟฟิศ ที่ดิน ทุกประเภททั้ง มือหนึ่ง มือสอง เช่าหรือเซ้ง รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับบ้าน เครื่องใช้ เครื่องครัว เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านมากมาย บริการต่าง ๆ ที่จะคอยตอบรับทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัย อีกทั้งยังมีระบบคอมมูนิตี้ที่จะคอยเป็นจุดศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ มีหมวดหมู่ให้เลือกตามความสนใจ ซื้อขายบ้าน ค้นหาช่างใกล้ตัว ตกแต่งบ้านหรือจะเป็นความรู้อสังหาฯที่ดีและเป็นประโยชน์จากกูรูอสังหาฯผู้มากประสบการณ์ ทุก ๆ อย่างรวมอยู่ในที่นี่ที่เดียว
.
.





+1
Kanlaya Jaithong
Kanyapak .P
Like
Kanlaya Jaithong
Kanyapak .P
Like